Author: ศูนย์สารนิเทศอีสานสิรินธร

    ปรางค์กู่บ้านเขวา  กู่เทวสถาน 200 ปีที่มหาสารคาม        กู่คูมหาธาตุ หรือ ปรางค์กู่บ้านเขวา ตั้งอยู่ที่บ้านเขวา ตำบลเขวา  อำเภอเมือง มหาสารคาม ห่างจากตัวเมืองไปตามถนนแจ้งสนิท 13 กิโลเมตร เป็นโบราณสถานที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18          สร้างด้วยศิลาแลงทั้งหมด เป็นรูปกระโจมสี่เหลี่ยมสูงจากพื้นดินถึงยอด 4 วา กว้าง 2 วา 2 ศอก  กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 
Read more
ฮูปแต้มสิมวัดป่าเรไรย์ : นิทานเรื่องพระลักพระลาม ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวนิทานเรื่องพระลักพระลาม นิทานเรื่องพระลักพระลาม ด้านบน   ภาพพระยาพาลีต่อสู่กับความทรพี โดยมีสุครีพคอยดูต้นทาง ประกอบเป็นภาพทิวทัศน์ของภูเขา มีดวงอาทิตย์อยู่ตรงช่องว่าง แถวที่สอง   เรื่องการต่อสู้กันระหว่างควายทรพากับทรพี แถวที่สาม   เรื่องราวพระลักพระลาม มีม้าซึ่งทหารที่เป็นบริวารอยู่แถวล่างคอยจัดถวายให้กับพระลักพระลาม ซึ่งจะเสด็จออกจากเมืองไปพบฤาษีที่ศาลา และด้านล่างสุดภาพบุคคลผู้หญิงที่ยืนถือกระเช้ามีลักษณะคล้ายกับการติดต่อซื้อขาย ภาพผู้ชายเป็นการแต่งกายของแขกอิสลาม ผนังด้านนอก สิมวัดป่าเรไรย์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม   นิทานเรื่องพระลักพระลาม ตอนพระยาพาลีต่อสู่กับความทรพี โดยมีสุครีพคอยดูต้นทาง ประกอบเป็นภาพทิวทัศน์ของภูเขา มีดวงอาทิตย์อยู่ตรงช่องว่าง แถวด้านล่างเรื่องการต่อสู้กันระหว่างควายทรพากับทรพี ผนังด้านนอก สิมวัดป่าเรไรย์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม   นิทานเรื่องพระลักพระลาม มีม้าซึ่งทหารที่เป็นบริวารอยู่แถวล่างคอยจัดถวายให้กับพระลักพระลาม ซึ่งจะเสด็จออกจากเมืองไปพบฤาษีที่ศาลา ผนังด้านนอก สิมวัดป่าเรไรย์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม   นิทานเรื่องพระลักพระลาม ตอนพระลักพระลามกินผลนิโครธ แล้วกลายเป็นลิงปีนต้นไม้ 
Read more
บัวใต้น้ำ : ภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่นวิถีอีสาน บัวใต้น้ำ หรือ ไก่ใต้น้ำ เป็นเมนูที่เรียกตามกรรมวิธีในการปรุงอาหาร เป็นลักษณะของการทำให้ไก่สุกด้วยวิธีการตุ๋นไว้ใต้น้ำ จึงเรียกไก่ใต้น้ำ ถือเป็นเมนูที่ใช้ทำกันกินในช่วงที่เป็นเทศกาล งานบุญ มีบุญมีงานต่างๆ ที่เครือญาติมากินข้าวร่วมกัน ถึงจะทำเมนูนี้กันเพราะเป็นเมนูที่ใช้เวลาปรุงให้สุกนาน ต้องพิถีพิถันตรวจสอบอุณภูมิการตุ่นไก่ให้สุกด้วยการเปลี่ยนน้ำใหม่เรื่อยๆ จนกว่าไก่จะสุก หากไม่ตรวจสอบสม่ำเสมอ ไก่ที่ตุ่นไว้อาจไหม้ หรือไม่สุกดี ถือเป็นอาหารท้องถิ่นที่หาทานได้ยากในปัจจุบันแล้ว เป็นเมนูที่มีเอกลัษณ์เฉพาะในการปรุง ผู้ปรุงและผู้ที่รอทานต้องรอเวลา ซึ่งช่วงเวลาที่รอให้ไก่สุกพร้อมรับประทาน ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนสามารถสื่อสาร พบปะพูดคุยกันไปเรื่อยๆ สร้างความสัมพันธ์ ความสามัคคี ได้พูดคุย พบปะกัน ก็ชวนการทำเมนูนี้ทาน เพราะเมนูนี้จะใช้เวลาในการทำนาน ถ้าเป็นเวลาเร่งรีบ ต้องทำงานทำการ  เพราะถ้าเป็นช่วงเวลาทำงานที่ต้องเร่งรีบ ต้อง (เฮ็ดเวียก) จะไม่ทำกินกัน ส่วนผสม ไก่บ้าน 1 กิโลกรัม ตะไคร้, ใบมะกรูด, หอมแดง ,กระเทียม, พริกป่น 
Read more
ผญาฮีตในเดือนสี่ ให้คอยซอมไปทางหน้า เดือนสิมาเป็นเดือนสี่ หลังจากบุญข้าวกี่สิมีบุญพระเวสเจ้า เฮาสิได้แต่งทาน โขงเขตบ้านย่านถิ่นดินอีสาน สุขสำราญเหลือหลาย ม่วนยินกะเลยต้อน ตกหว่างตอนคนตั้ง ใจฟังวอนวี่ ตอนกัณหาชาลี สิพรากพ่อแม่แก้วคนสิไห้นั่งฟัง มีเพียงปีละครั้ง ให้เฮาซ่อยกันสาน จัดเป็นงานประเพณี ให้คนฮุ่นหลังฮู้ “ โดย ดวงเดือน ไชยโสดา.. โพสต์เมื่อ 25 มีนาคม 2568, 14.11 น. โดย ดวงเดือน ไชยโสดา
Read more
    หม่ำไข่ปลา อีสานเป็นภูมิภาคที่มีความแห้งแล้ง ในหน้าแล้งอาหารการกินตามธรรมชาติหายาก การหมักดองอาหารไว้กินในยามจำเป็นจึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับอาหารหมักดองที่ทำกันในวิถีชีวิตของคนอีสาน คือ ปลาร้า นอกจากเนื้อปลานำมาทำปลาร้าและปลาส้มแล้ว ไข่ปลาที่เหลือยังนำทำหม่ำไข่ปลา ไว้รับประทานได้อีกด้วย ซึ่งเป็นวิธีการถนอมอาหารด้วยการหมัก ขั้นตอนการทำหม่ำไข่ปลาเหมือนกับการทำปลาสัม รสชาติของหม่ำไข่ปลาจะออกรสเปรี้ยว เค็ม และต้องปรุงสุกก่อนการรับประทาน ไข่ปลาตะเพียน      1.5 กิโลกรัม ข้าวเหนียวนึ่งสุก          2 ขีด กระเทียมโขลก    1.5 ขีด เกลือ                     3 ช้อนโต๊ะ ผงชูรส      
Read more
ผญาปรัชญาชีวิต คำผญาที่มีความหมายเป็นปรัชญา เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ของผู้คนในสังคมเป็นผญาาที่มีความหมายลึกซึ้ง ดังนั้นในบทนี้จึงเพิ่มความหมายแฝงเร้นไว้เพื่อให้ ผู้อ่านได้เข้าใจความหมายของแต่ละข้อความให้กระจ่างยิ่งขึ้นเพราะถ้าแปลตามตัวอักษร ค จะเป็นอีกอย่างหนึ่งอาจไม่ได้อรรถรส ผญาปรัชญาชีวิตจะมีปรากฏแทรกอยู่ในหนังสือวรรณกรรมต่างๆ ทางภาคอีสานและของ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อาทิ เช่น หนังสือเสียวสวาสดิ์ สังข์ศิลปชัย สึบบ่สูญ ฯลฯ “กบเขียดอ้อง ปะสงอ่านโคงสาน ฝูงหมู่งูเพาพิด เงือกกัวเกงย้าน” คำแปล กบและเขียดต่างอวดเก่ง อวดรู้ พากันอ่านหนังสือประเภทโคลงฉันท์ กาพย์กลอน จนพวกงูเงือกเกรงกลัวไปหมด ความหมายแฝงเร้น สังคมเน่าเหม็นนี้เป็นสังคมที่คนชั่ว คนไร้ศีลธรรมมีอำนาจมากจนเป็นที่เกรงยามของเหล่าคนดีมีศีลธรรมและคุณธรรม การใช้ เป็นคติให้รู้ว่าสภาพของสังคมเปลี่ยนไปสู่ยุคคนชั่วครองเมืองคนดีต้อง ระมัดระวังตัว มิฉะนั้นคนดีอาจถูกฆ่าทิ้งได้ง่ายๆ เอกสารอ้างอิง : วัฒนธรรมอีสาน : 100 ปี ชาตกาลคำดี สาระผล .(2555).โรงพิมพ์พระธรรมขันต์ ดวงเดือน ไชยโสดา…..
Read more
ฮีตในเดือนสาม ” ฮอดเดือนสามท้องฟ้า ปลอดโปร่งสดใส ไปทางใด๋เห็นแต่คนใจบุญ ซะแซวเป็นคุ้ม เหลียวเห็นซุมสาวน้อย พากันปั้นข้าวกี่ เฮือนละสี่ห้าปั้น พอได้เข้าใส่บุญ พ่องกะบีบข้าวปุ้น ตกแต่งอาหาร มีเทิงหวานและคาว หนุ่มสาวมาโฮมต้อม “
Read more
       พระธาตุนาดูน พุทธมณฑลอีสาน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม พระธาตุนาดูน พุทธมณฑลแห่งอีสาน ตั้งอยู่ ณ โคกดงเค็ง ที่ป่าสาธารณ ตำบลพระธาตุ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ในเนื้อที่ 902 ไร่ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ขุดพบไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร หรือ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอนาดูน ไปทางทิศใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร   ในปีพุทธศักราช 2522 กรมศิลปากรและราษฏร ในตำบลนาดูน ได้ขุดพบพระบรมสารีริกธาตุจากเนินดิน ซึ่งเป็นซากโบราณสถานในบริเวณที่นาของราษฏรท้องที่หมู่ที่ 1 ตำบลนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม พระบรมสารีริกธาตุมีสัณฐานดังเกล็ดแก้วประดิษฐานในผอบ 3 ชั้น ชั้นในเป็นทองคำ ชั้นกลางเป็นเงิน ชั้นนอกเป็นสำริด ซ้อนกันเรียงตามลำดับ และบรรจุอยู่ในสถูปจำลองอีกชั้นหนึ่ง 
Read more
ฮูปแต้ม (จิตรกรรมฝาผนัง) : วัดป่าเลไลย์ มหาสารคาม ความเป็นมาของ ฮูปแต้ม (จิตรกรรมฝาผนัง) วัดป่าเลไลย์ วัดป่าเลไลย์ ตั้งอยู่ที่บ้านหนอกพอก ตำบลดงบัง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม สร้างขึ้นราวปี พ.ศ.2224 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ.2460 วัดแห่งนี้เดิมมีชื่อว่า วัดบ้านหนองพอก ต่อมาในปี พ.ศ. 2485 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดป่าเลไลย์ ภายในวัดมีสิมซึ่งไม่ปรากฎหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด ตัวสิมเป็นอาคารแบบก่ออิฐถือปูนทรงสี่เหลียมผืนผ้าแบบทึบ นับเป็นสิมพื้นบ้านบริสุทธิ์ที่มีลักษณ์เฉพาะ มีเสารับปีนก หลังคาทรงจั่วชั้นเดียว มีปีกนกคลุมโดยรอบ หน้าบันทำเรียบมีซานจั่ว ตัวสิมยกสูงจากฐาน บนฐานมีระเบียงล้อมรอบ ทางขึ้นเป็นบันไดนาค ศิลปะพื้นบ้านแบบอีสาน มีประตูทางเข้าหนึ่งช่องอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ผนังด้านข้างเจาะเป็นช่องหน้าต่างแคบ ๆ เป็นช่องแสง ข้างละ 2 ช่อง ไม่มีบานหน้าต่าง บนฝาผนังมีภาพเขียนทั้งด้านนอกและด้านใน สิมวัดป่าเลไลย์  
Read more
เรียนรู้ภูมิปัญญาผญาภาษิต ผญาภาษิต : ในดงบ่มีไม่ เอาอันได๋มาเป็นป่า มีหนองบ่มีหย่าป้อง ปาสิบ้อนอยู่บ่อนได่   คำแปล : ถ้าดงไม่มีป่าไม้ แล้วจะเป็นดงได้อย่างไร เป็นหนองแต่ไม่มีหญ้าปล้อง ปลาจะอาศัยหุบเหยื่ออยู่หม่องได่ การใช้ : ใช้เป็นคติสอนให้คนเราพึ่งพาซึ่งกันและกัน เฮาทุกคนล้วนอยู่ในสังคมที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน การแสดงน้ำใจไมตรี หรือเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน จะช่วยพัฒนาสังคมเราให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น… ดวงเดือน ไชยโดสา…post
Read more
080715