มรดกภูมิปัญญาอีสาน

เรียนรู้ภูมิปัญญาผญาภาษิต ผญาภาษิต : ในดงบ่มีไม่ เอาอันได๋มาเป็นป่า มีหนองบ่มีหย่าป้อง ปาสิบ้อนอยู่บ่อนได่   คำแปล : ถ้าดงไม่มีป่าไม้ แล้วจะเป็นดงได้อย่างไร เป็นหนองแต่ไม่มีหญ้าปล้อง ปลาจะอาศัยหุบเหยื่ออยู่หม่องได่ การใช้ : ใช้เป็นคติสอนให้คนเราพึ่งพาซึ่งกันและกัน เฮาทุกคนล้วนอยู่ในสังคมที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน การแสดงน้ำใจไมตรี หรือเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน จะช่วยพัฒนาสังคมเราให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น… ดวงเดือน ไชยโดสา…post
Read more
ฮีตที่ 9 บุญข้าวประดับดิน หรือ บุญข้าวประดับดิน   ความหมาย  “เข่าประดับดิน หรือ เข้าประดับดิน” (ข้าวประดับดิน)   คือ “บุญที่ทำในวันแรมสิบสี่ค่ำเดือนเก้า ป็นการนำข้าวหลาอาหาร หวานคาว อย่างละนิดละน้อย แล้วห่อด้วยใบตองกล้วยทำเป็นห่อๆ นำไปวางไว้ตามโคนต้นโพธิ์ หรือต้นไม้ใหญ่ในวัด และตามพื้นดินบริเวณรอบๆ เจดีย์หรือโบสถ์” มูลเหตุที่ทำ เนื่องจากคนลาวและไทอีสานมีความเชื่อสืบต่อกันมาแต่โบราณแล้ว่า กลางคืนของเดือนเก้าดับ (วันแรมสิบสี่ค่ำเดือนเก้า)  ตรงกับวันเสาร์ที่ 12 กันยายน 2558 เป็นวันที่ประตูนรกเปิด ยมบาลจะปล่อยให้ผีนรกออกมาเยี่ยมญาติในโลกมนุษย์ ในคืนนี้คืนเดียวเท่านั้นในรอบปี ดังนั้นจึงพากันจัดห่อข้าวไว้ให้แก่ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วถือว่าเป็นงานบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้ว พิธีกรรม ในตอนเย็นของวันแรม 13 ค่ำเดือนเก้า แม่บ้านแม่เรือนทุกครัวเรือนจะ “ห่อข้าวน้อย” ซึ่งมีวิธีห่อดังนี้ ฉีกใบตองออกให้มีขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือ ส่วนความยาวนั้นให้ยาวสุดซีกของใบกล้วย นำเอาข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วปั้นเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือวางบนใบตองที่จะห่อ จากนั้นแกะเนื้อปลา 
Read more
ภาษาญ้อ ประวัติความเป็นมา             กลุ่มชาติพันธุ์ญ้อ แต่เดิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากในเมืองหงสาและคำม่วน ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่ในประเทศลาว ต่อมาได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในเขตประเทศไทย บริเวณพื้นที่ในภาคอีสานและภาคตะวันออกของไทย พบมีกลุ่มชาติพันธุ์ญ้อย้ายมาตั้งถิ่นฐานหลายจังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย อุดรธานี มหาสารคาม สกลนครนครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น นครสวรรค์ สระบุรี ปราจีนบุรี และสระแก้ว นอกจากนี้ยังพบว่า มีกลุ่มชาติพันธุ์ญ้ออาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชาได้แก่ จังหวัดบันทายมีชัยและอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชาอีกด้วย ความสำคัญและคุณค่าแห่งมรดกภูมิปัญญา          กลุ่มชาติพันธุ์ญ้อในประเทศไทย มีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับคนไทยในภาคอีสานมาก ประเพณีที่ถือว่าเป็นเอกลักษณะเฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์ญ้อ คือ ประเพณีไหลเรือไฟในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ หรืออกพรรษา เรียกว่า “ไหลเฮือไฟ” 
Read more
ครกกระเดื่อง : ครกมอง ก่อนที่จะมีโรงสีข้าวนั้น ครกกระเดื่องเป็นเครื่องมือสำคัญในการแปรรูปข้าว เปลือกให้เป็นข้าวสารโดยวิธีการทำข้าว วิธีการทำข้าวแบบเดิมของชาวนาอีสานนั้น เป็นการกะเทาะแยกเอาเปลือกหุ้มจากเมล็ดข้าว เริ่มแรกใช้วิธีการทุบข้าว ต่อมาได้ ทำครกตำข้าวขึ้นสองรูปแบบคือครกซ้อมมือหรือครกมือและครกกระเดื่องหรือครกมอง มีรายละเอียดดังนี้ ครกมือ เป็นครกตำข้าวที่ใช้มือจับสากตำข้าวเปลือก ส่วนประกอบของครก มือมีดังนี้ 1.ตัวครก เป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่ ที่มีความยาวประมาณ 80-90 เซนติเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 50-60 เซนติเมตรเจาะตรงกลางเป็นร่องลึกโดยใช้ขวานฟันเอาแกลบใส่เป็นเชื้อและจุดไฟเผาส่วนกลางของท่อนไม้ เผาเป็นโพรงให้มีขนาดลึกตามต้องการ ขัดภายในให้เกลี้ยงเกลา ตัวครกมี 2 ขนาด คือ ครกขนาดใหญ่ และครกขนาดเล็กทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ครกมือ ตัวครก เป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่ 2. สาก ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง มีความยาวขนาด 2 เมตร มีลักษณะปลายทั้งสองข้างโค้งมน หัวสากทู่มนใหญ่ ปลายสากมนเรียวเล็ก ตรงกลางกลมกลึงพอดีกับมือกำอย่างหลวม 
Read more
เรียนรู้ภูมิปัญญาผญาอีสาน   อย่าได้ทำโตเพี้ยงหัวเพียง สะเหมออึ่ง มันหากเหลือแต่ฮ้อง ตายย้อนปากโต คำแปล อย่าทำตนเป็ฯคนหยิ่งยโสทำตัวพองเหมือนอึ่ง ซึ่งมีแต่เสียงร้อง ในที่สุดก็ตาย                  เพราะปากตนเอง การใช้ สอนให้เป็นคนสุภาพเรียบร้อย ไม่คุยโวโอ้อวด อย่าได้ตายเพราะปาก (เหมือนอึ่ง)                                            
Read more
  หวด เครื่องใช้ประจำครัวเรือนของคนอีสาน ภาชนะสำหรับนึ่งของ เช่น ข้าวเหนียว ผัก ถั่ว งา แต่นิยมนึ่งข้าวเหนียวมากกว่าอย่างอื่น โดยทั่วไปมักสานด้วยตอก รูปร่างคล้ายกรวย ก้นสอบปากผาย                         ผลิตภัณฑ์จักสาน งานหัตถกรรม มักใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น  เช่น กก หรือ ผือ ไม้ไผ่ มวยเป็นเครื่องจักสานชนิดหนึ่งทำด้วยไม้ไผ่ มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนบนกว้างส่วนล่างแคบลง กกและผือคือพืชที่ขึ้นตามป่าบุ่งป่าทามแต่ก่อนชาวบ้านจะฉีกเป็นเส้นเพื่อมัดของ ต่อมาด้วยฝีมือการจักสานที่มีอยู่ดั้งเดิม จึงได้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์จักสานผือขึ้น หวดสานด้วยไม้ไผ่             
Read more
เรียนรู้ภูมิปัญญาผญาภาษิต อย่าติถะแหลงหล่ม ตมบ่มีพะลาดมื่น อย่าสู่พะลาดล้ม เดือนห้าก่อนฝน คำแปล อย่าทำเป็นลื่นล้ม ทั้งที่ไม่มีตมสักหน่อยและอย่าทำเป็นลื่นล้มในเดือนห้าก่อนฝนจะตก การใช้ ใช้เป็นคติเตือนใจว่าจะทำอะไรทำให้เหมาะกับกาลเทศะ   (คัดลอกมาจาก (วัฒนธรรมอีสาน. 2555. )                                                             
Read more
  ไหลเรือไฟ : ความเชื่อ พลังศรัทธาต่อสายน้ำที่ยิ่งใหญ่ไทสองฝั่งโขง ในค่ำคืนวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นวันที่ทุกคนรอคอยชมการไหลเรือไฟของชาวสองฝั่งแม่น้ำโขงนครพนม และเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อบูชาพระแม่คงคา และบูชารอยพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งอดีตจากจินตนาการของศิลปินเรือไฟพื้นบ้านสู่ลำไม้ไผ่หลายร้อยลำมาสร้างเป็นเรือไฟ หลอมศรัทธา และพลังใจผู้คนสองฟากฝั่งสืบสานประเพณีอันดีงามให้คงอยู่ตลอดไปประเพณีไหลเรือไฟจากอดีตถึงปัจจุบัน มีการพัฒนารูปแบบการสร้างผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ บ้างก็เฉลิมฉลองด้วยพลุดอกไม้ไฟวิจิตรตระการตา นับเป็นศิลปะการออกแบบก่อสร้างจากแรงงานในท้องถิ่น และเป็นความภาคภูมิใจในการสืบสานประเพณีของท้องถิ่นมาถึงปัจจุบันชาวอีสานมีความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีไหลเรือไฟอยู่ ๓ แนว คือ ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชารอยพระพุทธเจ้า  เมื่อครั้งพญานาคทูลอาราธนาพระพุทธองค์ไปแสดงธรรมในโลกพิภพ ครั้งจะเสด็จกลับพญานาคได้ทูลขอให้พระองค์ประทับรอยพระบาทไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ในแคว้นทักขิณาบท ประเทศอินเดีย (ปัจจุบันเรียกว่าแม่น้ำเนรพุททา) ไว้เป็นที่เคารพของเทวดา มนุษย์ตลอดจนสัตว์ทั้งปวง   ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จกลับลงสู่โลกมนุษย์ ภายหลังเสด็จขึ้นไปจำพรรษาที่สรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระมารดา จึงเสด็จกลับลงมาสู่โลกมนุษย์ผ่านบันไดทิพย์ ๓ ทาง คือบันไดทองเบื้องขวา เป็นที่ลงของเหล่าเทพยดา บันไดเงินเบื้องซ้ายเป็นทางลงของหมู่พรหม 
Read more
เรียนรู้ภูมิปัญญา..ผญาภาษิต..               “บุนบ่อคาดได้ แสนสิฮอมกะจำห่าง บาดว่าบุนคาดได้ แสนสิเว้นกะเวินมา” คำแปล : ของสิ่งใดก็ตาม ถ้าบุญวาวสนาจะไม่เป็นของเราแล้ว ถึงแม้จะอยู่ใกล้แค่เอื้อมก็จำต้องห่างไกลออกไป แต่ถ้าบุญวาสนาจะเป็นของเราแม้จะพยายายาม หลีกเว้นแต่ก็ต้องพบจนได้ แหล่งข้อมูล : ภูมิ สาระผล. (2555). วัฒนธรรมอีสาน. โรงพิมพ์พระธรรมขันต์.
Read more
เรียนรู้ภูมิปัญญา..ผญาภาษิต..   คนเฮานี้ ต้องเผิ่งอาศัยกัน คือดังปลาอาศัยน้ำ น้ำกะเผิ่งวังปลา ปลาอาศัยวังเวิน จึ่งล่องลอยนาน้ำ ทามอาศัยห้วย งัวควยอาศัยแอก ตาแฮกอาศัยไก่ต้ม จึงโดนตุ้มจากคอน คือดังคอนอาศัยไม้ นกใส่อาศัยโกน คนกะอาศัยคน เผิ่งกันโดยด้าม คามอาศัยหม้อ หมอมออาศัยส่อง ฆ้องอาศัยไม้ฆ้อน ตีต้องจึงค่อยดัง..ซั่นแล้ว การพึ่งพาอาศัยกันถือเป็นเรื่องสำคัญของทุกสิ่งอย่าง
Read more
048730