เข้าพรรษา

บุญเข้าพรรษา เป็นประเพณีในพระพุทธศาสนาซึ่งมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยครั้งพุทธกาลพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาจะจาริกไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดแม้ในช่วงฤดูฝนบางครั้งก็เหยียบข้าวกล้าของชาวนาจนได้รับความเสียหาย ในขณะที่นักบวชศาสนาอื่นและฝูงนกยังหยุดผักผ่อนไม่ท่องเที่ยวในฤดูฝนพระพุทธเจ้าได้ทราบถึงความเดือนร้อนของชาวนา จึงทรงรับสั่งให้พระสงฆ์ประชุมพร้อมกันและทรงบัญญัติเรื่องการเข้าพรรษาไว้ว่า “อนุชานามิ ภิกขะเว วัสสัง อุปะคันตุง” แปลว่า “ภิกษุทั้งหลายเราอนุญาตให้พวกเธออยู่จำพรรษา” โดยกำหนด วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันเข้าพรรษา (ปุริมพรรษา) แต่ถ้าปีใดเป็นอธิกมาส มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเข้าพรรษาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 ก็ได้ และไปสิ้นสุดเอาวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เรียกว่า วันเข้าพรรษาหลัง (ปัจฉิมพรรษา) ดวงเดือน ไชยโสดา… เอกสารอ้างอิง : เชาว์ลิต ทิมา . 
Read more
“บุญเดือนแปด” เดือน ๘ เป็นเดือนอยู่ในระยะหน้าฝน และเป็นเดือนที่พระอยู่จำพรรษาตลอดสามเดือนไม่ไปค้างคืนที่อื่น ยกเว้นแต่มีกิจที่จำเป็น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน ๗ วัน ถ้าเกินนั้นถือว่าพรรษาขาด โดยปกติแล้วกำหนดเอาวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ของปีที่เป็นปกติมาส (๘ หนเดียว)  เป็นวันอธิฐานเข้าพรรษา สำหรับปีที่เป็นอธิกมาสคือ ๘ สองหน กำหนดเอาวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ หลัง เป็นวันอธิฐานเข้าพรรษาเพราะมีกำหนดทำกันในเดือน ๘ เป็นประจำ จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มูลเหตุมีการเข้าพรรษา ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่เวฬุวันกลันทกะนิวาปะสถานณ เมืองราชคฤห์  มีพระภิกษุพวกหนึ่งเรียกว่า “ฉับพัคคีย์” ได้เที่ยวไปทุกฤดูกาลไม่หยุดพักเลย โดยเฉพาะฤดูฝนอาจไปเหยียบย่ำข้าวกล้า และหญ้าระบัดใบตลอดสัตว์เล็กเป็นอันตราย ประชาชนทั่วไปพากันติเตียน พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติให้พระภิกษุสามเณรจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน 
Read more
048818